วิธีเก็บไวน์ที่เปิดแล้วที่ดื่มไม่หมด การเก็บไวน์ที่เหลือให้ยังคงรสชาติและความสดชื่นเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับไวน์ได้ในครั้งต่อไป บทความนี้จะช่วยแนะนำวิธีการเก็บไวน์ที่เปิดแล้วด้วยเทคนิคง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้ที่บ้าน การเก็บไวน์ที่เปิดแล้วให้มีคุณภาพดีเหมือนเดิมเริ่มต้นด้วยการปิดขวดให้แน่นที่สุดเพื่อป้องกันการสัมผัสกับอากาศซึ่งจะทำให้ไวน์เสียรสชาติ การใช้จุกสูญญากาศเป็นวิธีที่ดีในการรักษาความสดชื่นของไวน์ นอกจากนี้การเก็บขวดไวน์ในตู้เย็นจะช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของไวน์ได้อีกด้วย สำหรับไวน์แดงควรนำออกมาวางไว้ที่อุณหภูมิห้องก่อนดื่มประมาณ 30 นาทีเพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด
นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือและอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ที่สามารถช่วยในการเก็บไวน์ เช่น การใช้แก๊สอาร์กอนเพื่อสร้างชั้นป้องกันอากาศ การใช้ถุงสุญญากาศ หรือการใช้ขวดเก็บไวน์ที่ออกแบบมาเฉพาะ การเลือกใช้วิธีการที่เหมาะสมจะช่วยให้ไวน์ของคุณยังคงความอร่อยและสดชื่นได้นานขึ้น การดูแลและเก็บรักษาไวน์ที่เปิดแล้วไม่เพียงแค่ช่วยรักษารสชาติและความสดชื่น แต่ยังช่วยให้คุณสามารถสนุกกับการดื่มไวน์ได้ยาวนานขึ้น การมีความรู้และใช้เทคนิคเหล่านี้จะทำให้คุณมั่นใจว่าไวน์ที่คุณรักจะยังคงความอร่อยเหมือนเดิมในทุกครั้งที่คุณต้องการ อีกหนึ่งเคล็ดลับที่สำคัญคือการเก็บไวน์ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ควรเก็บขวดไวน์ในแนวนอนเพื่อลดการสัมผัสกับอากาศและช่วยให้จุกคอร์กไม่แห้ง ควรหลีกเลี่ยงการเก็บไวน์ในที่ที่มีแสงแดดหรือความร้อนสูง เพราะอาจทำให้ไวน์เสียหายได้
วิธีเก็บไวน์ที่เปิดแล้วอย่างมือโปร ในการรักษาความอร่อยหลังเปิด
1.การใช้จุกปิดไวน์ (Wine Stopper)
เป็นหนึ่งในวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการเก็บรักษาไวน์ที่เปิดแล้ว จุกปิดไวน์ช่วยลดการสัมผัสกับอากาศ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ไวน์เสียรสชาติ การปิดขวดไวน์ให้แน่นจะช่วยรักษาความสดชื่นและรสชาติของไวน์ได้ยาวนานยิ่งขึ้น จุกปิดไวน์มีหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้งาน จุกสูญญากาศเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม เนื่องจากสามารถดูดอากาศออกจากขวดได้ ทำให้ไวน์ไม่สัมผัสกับอากาศและคงความสดชื่นได้นานขึ้น นอกจากนี้ยังมีจุกปิดไวน์ที่ทำจากวัสดุต่างๆ เช่น ซิลิโคน สแตนเลส หรือพลาสติก ซึ่งสามารถหาซื้อได้ทั่วไปและมีราคาที่หลากหลาย
2. เก็บไวน์ในตู้เย็น
การเก็บไวน์ที่เปิดแล้วในตู้เย็นเป็นวิธีที่ดีในการชะลอการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทำให้ไวน์เสียรสชาติ ไวน์ขาวและไวน์โรเซ่ควรเก็บในตู้เย็นที่อุณหภูมิประมาณ 4-8 องศาเซลเซียส ซึ่งจะช่วยรักษาความสดชื่นและรสชาติของไวน์ได้นานขึ้น สำหรับไวน์แดง แม้ว่าจะสามารถเก็บในตู้เย็นได้เช่นกัน แต่ควรนำไวน์แดงออกมาจากตู้เย็นก่อนเสิร์ฟประมาณ 30 นาที เพื่อให้อุณหภูมิของไวน์กลับมาอยู่ในระดับที่เหมาะสมสำหรับการดื่ม การเก็บไวน์แดงในอุณหภูมิห้องมากเกินไปอาจทำให้ไวน์สูญเสียรสชาติและความซับซ้อนได้
3. ใช้ระบบสูญญากาศ (Vacuum Pump)
การใช้ระบบสูญญากาศ (Vacuum Pump) สำหรับไวน์เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการรักษาความสดของไวน์ที่เปิดแล้ว ระบบสูญญากาศช่วยดูดอากาศออกจากขวดไวน์ ทำให้ลดการเกิดออกซิเดชัน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ไวน์เสียรสชาติ วิธีการนี้สามารถยืดอายุไวน์ได้ถึง 7-10 วัน เครื่องสูญญากาศสำหรับไวน์มีหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้ ทั้งแบบมือหมุนและแบบอัตโนมัติ ซึ่งสามารถหาซื้อได้ทั่วไปและใช้งานง่าย เพียงแค่ติดตั้งเครื่องสูญญากาศบนปากขวดไวน์แล้วทำการดูดอากาศออก ก็สามารถรักษาความสดของไวน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. การถ่ายไวน์ไปยังขวดเล็ก
การถ่ายไวน์ไปยังขวดเล็กเป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเก็บรักษาไวน์ที่เหลือ การถ่ายไวน์ที่เหลือไปยังขวดเล็กที่มีขนาดพอดีกับปริมาณไวน์ที่เหลือจะช่วยลดปริมาณอากาศในขวด ทำให้ปฏิกิริยาออกซิเดชันเกิดช้าลง และช่วยยืดอายุไวน์ได้มากขึ้น ขวดเล็กสามารถหาซื้อได้ทั่วไปและมีหลายขนาดให้เลือกตามความต้องการของคุณ การเลือกขวดที่มีขนาดพอดีกับปริมาณไวน์ที่เหลือจะช่วยให้คุณสามารถเก็บไวน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เพียงแค่ถ่ายไวน์จากขวดใหญ่ไปยังขวดเล็กและปิดฝาให้แน่น ก็จะสามารถรักษาความสดและรสชาติของไวน์ได้นานขึ้น
5. ใช้ก๊าซอาร์กอน (Argon Gas)
การใช้ก๊าซอาร์กอน (Argon Gas) ในการเก็บไวน์เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมาก ก๊าซอาร์กอนเป็นก๊าซเฉื่อยที่ไม่มีปฏิกิริยากับไวน์ และมีความหนาแน่นมากกว่าอากาศ ทำให้สามารถปกป้องไวน์จากการสัมผัสกับออกซิเจนได้อย่างดี เมื่อคุณฉีดก๊าซอาร์กอนเข้าไปในขวดไวน์ ก๊าซจะสร้างชั้นป้องกันระหว่างไวน์กับอากาศ ซึ่งจะช่วยลดการเกิดออกซิเดชันที่ทำให้ไวน์เสียรสชาติ การใช้ก๊าซอาร์กอนในการเก็บไวน์จะช่วยยืดอายุไวน์ได้หลายสัปดาห์หรือแม้กระทั่งหลายเดือน ทำให้ไวน์ยังคงความสดชื่นและรสชาติที่ดี
6. เก็บไวน์ในที่มืด
การเก็บไวน์ในที่มืดเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการเสื่อมสภาพของไวน์ที่เกิดจากแสง แสงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ไวน์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น ทำให้รสชาติและกลิ่นของไวน์เปลี่ยนไป ดังนั้นการเก็บไวน์ในที่มืดจะช่วยรักษาคุณภาพของไวน์ได้ดียิ่งขึ้น สำหรับการเก็บไวน์ที่เปิดแล้ว ควรเก็บในที่มืด เช่น ตู้เก็บไวน์ หรือตู้เย็นที่ไม่มีแสงสว่างมาก การเก็บไวน์ในตู้เย็นจะช่วยรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสมและลดการสัมผัสกับแสง ซึ่งจะช่วยยืดอายุไวน์และรักษารสชาติได้ดี
7. หลีกเลี่ยงการเก็บไวน์ใกล้กับกลิ่นแรง
การหลีกเลี่ยงการเก็บไวน์ใกล้กับกลิ่นแรงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยรักษาคุณภาพและรสชาติของไวน์ ไวน์สามารถดูดซับกลิ่นจากสิ่งแวดล้อมได้ง่าย ซึ่งอาจทำให้รสชาติและกลิ่นของไวน์เปลี่ยนไป ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการเก็บไวน์ใกล้กับอาหารหรือสิ่งของที่มีกลิ่นแรง เช่น กระเทียม หัวหอม หรือเครื่องเทศ การเก็บไวน์ในที่สะอาดและปราศจากกลิ่นเป็นสิ่งสำคัญ ควรเลือกสถานที่เก็บไวน์ที่มีอากาศถ่ายเทดีและไม่มีสิ่งของที่มีกลิ่นแรงอยู่ใกล้เคียง ตู้เก็บไวน์หรือพื้นที่เก็บไวน์เฉพาะจะช่วยให้ไวน์ของคุณปลอดภัยจากกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ และรักษารสชาติที่ดีของไวน์ได้นานขึ้น
เคล็ดลับทั้งหมดนี้จะทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับไวน์ที่เปิดแล้วได้ยาวนานขึ้น
การดูแลไวน์ที่เปิดแล้วอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้คุณได้สัมผัสกับรสชาติที่ดีที่สุดในทุกครั้งที่ดื่ม เทคนิคที่แนะนำเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาความสดใหม่ของไวน์ แต่ยังช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงรสชาติที่ไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นจากการสัมผัสกับอากาศหรือแสง การใช้จุกปิดไวน์จะช่วยป้องกันการสัมผัสกับอากาศที่ทำให้ไวน์เสื่อมคุณภาพ ในขณะที่การเก็บไวน์ในตู้เย็นจะช่วยชะลอปฏิกิริยาเคมีที่ทำให้ไวน์เสื่อมลง การใช้ระบบสูญญากาศและก๊าซอาร์กอนเป็นเทคนิคที่ช่วยลดการสัมผัสกับออกซิเจน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ไวน์เปลี่ยนรสชาติ การถ่ายไวน์ไปยังขวดเล็กจะลดปริมาณอากาศที่สัมผัสกับไวน์ ส่วนการเก็บไวน์ในที่มืดช่วยปกป้องไวน์จากการถูกทำลายด้วยแสง